วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สสส. ชี้เด็กไทยกำลังเผชิญวิกฤติ 6 ด้าน

สสส.ชี้สถานการณ์ สังคม เด็กไทยเผชิญ 6 วิกฤติ แม่วัยรุ่นเพิ่ม 40% และอัตราครอบครัวหย่าร้าง 1 ใน 3 ของการจดทะเบียน จับมือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คลี่คลายวิกฤติใน 3 กลุ่มเป้าหมาย

          ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) วันที่ 7 ธันวาคมนี้ มีการแถลงข่าว "ทิศทางความร่วมมือ สู่การปฏิรูปสังคม" ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ สสส.ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า สังคมไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เด็กและเยาวชนไทยเผชิญกับวิกฤติ 6 ด้านที่สำคัญ คือ

          ความรุนแรงในเด็ก จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2552 พบว่า เด็กและเยาวชนไทยถูกกระทำความรุนแรงส่วนใหญ่จากคนใกล้ชิด อันดับ 1 คือ คนรัก จำนวน 4,509 คน หรือ 54% รองลงมาคือ เพื่อน จำนวน 2,086 คน หรือ 25%

          การบริโภคสื่อและเทคโนโลยีที่ไม่สร้างสรรค์ ซึ่งสื่อทางอินเทอร์เน็ตกำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ แต่กลับพบว่าใน 40 เว็บไซต์ยอดนิยมของไทยมากกว่า 50% มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมทางเพศ
         
          ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย นำไปสู่การตั้งครรภ์การทำแท้งและติดเชื้อเอดส์ โดยภายในระยะเวลาเพียง 8 ปี คือระหว่างปี 2545-2552 มีวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 40% และช่วงอายุมีแนวโน้มลดลง
         
          ปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติด ในแต่ละปีจะมีนักดื่มหน้าใหม่เกิดขึ้น 2.6 แสนคน ขณะที่ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสถานศึกษาเพิ่มขึ้น

          ปัญหาอุบัติเหตุและปรากฏการณ์รถซิ่ง ทำให้ในปี 2552 มีเด็กและเยาวชนเสียชีวิตถึง 10 วันต่อราย

          ปัญหาทางด้านอารมณ์และจิตใจ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมซึมเศร้าและทำร้ายตนเอง

          ขณะที่สถานการณ์ของครอบครัวไทยในปัจจุบันที่กำลังเผชิญ

          อันดับ 1 การหย่าร้างที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2550 มีอัตราหย่าร้างสูงถึง 1 ใน 3 ของการจดทะเบียน

          อันดับ 2 ความรุนแรงในครอบครัว

          อันดับ 3 สัมพันธภาพของคนในครอบครัวที่ลดลง

          นอกจากนี้ยังพบคนกลุ่มเฉพาะที่ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ โดยพบจำนวนเด็กและผู้สูงอายุที่เข้ารับการสงเคราะห์ ในสถานสงเคราะห์เพิ่ม ขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาแม่วัยรุ่นและท้องไม่พร้อม จากรายงานของยูนิ เซฟพบว่า จำนวนแม่วัยรุ่นไทยต่ำกว่า 20 ปีสูงถึง 150,000 คน

          ทพ.กฤษ ดากล่าวว่า กลุ่มบุคคลทั้ง 3 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่จำเป็นต้องมีการดูแล และมีมาตรการเฉพาะเพื่อมาแก้ไขปัญหา จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการทำงาน 3 กลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ คือ เด็กและเยาวชน ครอบครัว และกลุ่มคนเฉพาะซึ่งถือเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม แต่เป็นหน่วยที่มีพลังมากที่สุดของการเปลี่ยนแปลงและเป็นรากฐานที่สำคัญ ของการปฏิรูปสังคม

          นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ทิศทางในการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมอย่างเป็นรูปธรรมผ่านความร่วมมือระหว่าง กระทรวง การพัฒนาสังคมฯ กับ สสส. ประกอบด้วย 4 ด้าน คือ

          ความร่วมมือระดับกระทรวงในการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระดับผู้บริหารและการพัฒนาศักยภาพผู้นำ เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมร่วมกัน โดยส่งเสริมโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสังคม

          ความร่วมมือส่วนราชการระดับกรมในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน ครอบครัว ชุมชน และท้องถิ่น และกลุ่มที่มีความต้องการพิเศษ โดยมีกลไกการทำงานร่วมกัน (Co-Management) ระหว่างหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงและภาคีเครือข่ายของ สสส. โดยมีกิจกรรมและเป้าหมายเป็นตัวตั้ง

          ความร่วมมือระดับพื้นที่ โดยนำประเด็นข้อตกลงจากระดับกรมลงไปปฏิบัติการในระดับพื้นที่ ทั้งองค์กร ปกครองท้องถิ่นและชุมชน

          ความร่วมมือในการจัดให้มีคณะกรรมการ เพื่อวางแนวทางและประสานการดำเนินงานร่วมกัน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก